ความทรงจำของโลกเมื่อ 350 ล้านปีก่อน

เมื่อพูดถึงอากิโยชิไดย่อมหนีไม่พ้นทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ตระการตาของหินปูนที่เลื่องชื่อ แท้ที่จริงแล้วหากย้อนกลับไปเมื่อ 350 ล้านปีก่อนอาคิโยชิไดเคยเป็นทะเลมาก่อน อากิโยชิไดถือกำเนิดมาจากแนวปะการังของทะเลทางตอนใต้ และแนวปะการังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็กลายเป็นหินปูน ที่ค่อยๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมีความหนา 500 ถึง 1,000 เมตรกันเลยทีเดียว จากนั้นหินปูนที่เกิดขึ้นก็ได้ออกมาอวดโฉมสู่โลกภายนอก ก่อให้เกิดเป็นภูมิทัศน์อันงดงามของทุ่งหญ้าสีเขียวขจีตัดกับหินปูนสีขาวอย่างที่เห็นในรูปภาพ นอกจากนี้หินปูนของอากิโยชิไดยังมีฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ในท้องทะเลดึกดำบรรพ์ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก ความทรงจำของท้องทะเลที่เคยเป็นแนวปะการังจึงยังคงหลงเหลือมาจนถึงยุคปัจจุบัน

อากิโยชิไดที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามฤดูกาล

อาคิโยชิไดยังมีเสน่ห์เพราะความงามที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล
ในฤดูใบไม้ผลิคุณสามารถเดินอย่างสดชื่นสบายอารมณ์ผ่านต้นหญ้าที่ยังไม่สูงมากนัก ลองซึมซับความเขียวขจีของดอกไม้ใบหญ้า แล้วเงี่ยหูฟังเสียงนกร้องเพลงกันดูสักหน่อย ในฤดูร้อนไม่ว่าจะเป็นสีเขียวที่เข้มขึ้นจนเจิดจ้า หรือการประชันกันระหว่าง "ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว" กับ "เสียงของแมลง" หลังอาทิตย์อัสดงก็ล้วนมีเสน่ห์ ในฤดูใบไม้ร่วงมีทั้งความงามของดอกหญ้าสีเหลืองทองอร่ามตัดกับต้นหญ้าและใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงก็ล้วนควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม และในฤดูหนาวหลังจากที่เพลิดเพลินกับความงามของทุ่งหญ้าที่โรยรา ก็มาถึงงานตามประเพณี "การเผาภูเขาของอากิโยชิได" ที่จะเผาไหม้ผืนดินจนแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามไปตามแต่ละฤดูกาล ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มาเยือนคุณก็สามารถเต็มอิ่มกับธรรมชาติอย่างจุใจได้ตลอดทั้งปี

"การเผาภูเขาของอากิโยชิได" ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น!

"การเผาภูเขาของอากิโยชิได" คือกลิ่นอายที่จะนำทางฤดูใบไม้ผลิมาสู่อากิโยชิได งานประเพณีที่สืบทอดกันมานานกว่า 600 ปีนี้เป็นงานผาทุ่งหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
ในเช้าวันที่ทำการเผา เสียงของไซเรนจะดังขึ้นเป็นสัญญาณให้จุดไฟขึ้นพร้อมกัน เปลวเพลิงที่สูงถึง 5 เมตร และควันไฟจะโอบล้อมอากิโยชิไดเอาไว้ ไฟที่พวยพุ่งกับเสียงดังเปรี๊ยะๆ ที่เข้ามาใกล้เป็นไฮไลท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศมาเยือนเพื่อชมบรรยากาศอันทรงพลังนี้ แม้ว่าจะมีมาตรการป้องกันการลุกลามไฟเป็นอย่างดี แต่การเข้าไปใกล้สถานที่ที่มีไฟลุกไหม้ก็เป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นคุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริเวณงานอย่างเคร่งครัด
การเผาภูเขานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาภูมิทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของอากิโยชิไดเอาไว้ รวมถึงการกำจัดศัตรูพืชและปกป้องระบบนิเวศน์ ทุ่งหญ้าที่กลายเป็นสีดำจะกลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ความงามของทุ่งหญ้าที่อากิโยชิไดนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดยการเผาภูเขานั่นเอง

อากิโยชิไดเป็น "อุทยานแห่งชาติที่ใช้งานได้"

อากิโยชิไดเป็น "อุทยานแห่งชาติที่สามารถใช้งานได้" คุณสามารถเพลิดเพลินอย่างเต็มอิ่มกับทิวทัศน์แบบพาโนรามา 360 องศาของทุ่งหญ้าและหินปูนในรูปแบบต่างๆ
ที่นี่มีคอร์สการเดินป่าที่หลากหลาย ตั้งแต่คอร์สมือใหม่ไปจนถึงคอร์สเชี่ยวชาญที่คุณสามารถเลือกได้อย่างอิสระ นอกจากนี้คุณยังสามารถปั่นจักรยานอย่างสบายอารมณ์บน "คาสต์โร้ด" ที่ตัดผ่านใจกลางของอากิโยชิได หรือจะขับรถไปก็ได้เช่นกัน ทัศนียภาพและสถานที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีเพียงที่นี่จะทำให้ทุกคนประทับใจไม่รู้ลืม
นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2020 ยังมีเซกเวย์ทัวร์ที่เริ่มทำขึ้นมาใหม่ ขอเชิญคุณมาวิ่งไปรอบๆ ทุ่งหญ้าของอากิโยชิไดไปกับเซกเวย์ ลองสัมผัสกับสายลมสามร้อยล้านปีด้วยหัวใจของคุณ

อย่าพลาดที่จะไปชมอากิโยชิโดถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

คุณไม่ควรพลาดที่จะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง "อากิโยชิโด" อนุสรณ์พิเศษเชิงธรรมชาติของประเทศ ถ้ำหินปูนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งทางซีกโลกตะวันออก อุณหภูมิภายในถ้ำจะอยู่ที่ประมาณ 17 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี มีอากาศเย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว ภายในเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจตลอดระยะทางประมาณ 1 กิโล ไม่ว่าจะเป็น "เพดานสีฟ้า" ที่มีพื้นที่กว้างขวาง, "จานร้อยใบ" ลานหินปูนที่มีรูปร่างเหมือนจานกว่า 500 ใบ, "เสาทองคำ" เสาหินปูนที่ใช้เวลากว่าหมื่นปีในการก่อร่างสร้างตัว ขอเชิญคุณมาสัมผัสกับบรรยากาลึกลับที่สร้างขึ้นจากประติมากรรมตามตามธรรมชาติอันน่าพิศวง ไปผจญภัยในถ้ำที่ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง แต่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่อยู่มานานกว่า 300 ล้านปี

เป็นยังไงบ้างคะ? อากิโยชิไดและอากิโยชิโดที่โลกใช้เวลารังสรรค์ขึ้นมากว่าสามร้อยล้านปี ลองมาสัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างซึ่งจะทำให้คุณรับรู้ถึงลมหายใจของโลกใบนี้